รอยแผลเป็นจากสิว ตัวการทำร้ายผิว ไม่น่าคบ (ต้อง) จบด้วยการรักษา
คนที่เป็นสิว นอกจากจะมีสิวเป็นตัวปัญหาของผิวหน้าแล้ว หากรักษาไม่ตรงกับอาการ อาจก่อให้เกิดรอยแผลเป็นสิวได้ แล้วเจ้าแผลเป็นสิวเนี่ย ไม่ได้มีชนิดเดียวด้วยนะ รอยแผลเป็นจากสิว ถูกแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก 2 ประเภทย่อย คือ
ประเภทหลัก
Ice Pick Scars หรือหลุมสิวลึก
หลุมสิวประเภทนี้เป็นหลุมสิวที่มีความลึกและแคบ รูปร่างเหมือนโคนหงาย โดยด้านบนมักมีขนาดน้อยกว่า 2 มิลลิเมตร และมีความแคบและลึกลงเรื่อยๆ ไปในบริเวณชั้นหนังแท้ หรือบางทีลึกลงไปในบริเวณชั้นไขมัน หลุมสิวประเภทนี้เป็นหลุมสิวที่ลึกและปากแคบ ทำให้การรักษาหลุมสิวประเภทนี้ ทำได้ยาก และไม่ค่อยตอบสนองกับการรักษาสักเท่าไหร่
Rolling Scars หรือ หลุมสิวตื้น
ลักษณะผิวด้านบนจะยังดูเป็นผิวราบปกติ บริเวณปากหลุมจะมีความกว้างประมาณ 4-5 มิลลิเมตร ลักษณะของหลุมสิวประเภทนี้เกิดจากการดึงรั้งของเส้นใยผังผืดที่อยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีลักษณะเว้าลงไปด้านล่าง ทำให้เกิดเป็นหลุมสิวขึ้นมา การรักษาหลุมสิวประเภทนี้ เมนหลักๆ จะอยู่ที่การเข้าไปตัดเส้นใยผังผืดที่ยึดดึงรั้งผิวบริเวณด้านบน เพื่อทำให้ผิวกลับคืนมาสู่ระดับปกติ หลุมสิวประเภทนี้ตอบสนองการรักษาได้ดีกว่าหลุมสิวประเภทอื่นๆ
Boxcar Scars
มีความกว้างมากกว่าความลึก มีรูปร่างกลม หรือเป็นรูปไข่ หรืออาจจะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็ได้ เป็นหลุมสิวที่มีขอบเขตชัดเจน อาจจะตื้น 0.1 – 0.5 มิลลิเมตร หรืออาจจะลึกเกิน0.5 มิลลิเมตร ก็ได้ Boxcar ที่ตื้นจะสามารถรักษาได้ผลดี จากการรักษาด้วยเลเซอร์ ถ้าหลุมลึกก็จะตอบสนองการรักษาได้ยาก
Hypertrophic Scars หรือ สิวที่เป็นแผลเป็นนูน
คือ แผลเป็นที่มีสีแดงและนูนขึ้นมาจากผิวหนังปกติ แต่ยังอยู่ในบริเวณขอบเขตของรอยแผลเดิมที่เกิดขึ้น แผลเป็นชนิดนี้เกิดจาการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป บางครั้งอาจหายเองได้ ส่วนแผลเป็นนูนชนิดคีลอยด์ (Keloid)คือ แผลเป็นที่มีรอยนูนแดงจากรอยแผลเดิม บางครั้งมีอาการคัน เป็นแผลเป็นที่มีการสร้างคอลลาเจนมากเกินผิดปกติเหมือนกัน ซึ่งแผลเป็นประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่นูนหนา ไม่หายเอง และตอบสนองต่อการรักษาได้ไม่ดี หลังการรักษาจะมีการกลับมานูนซ้ำได้อีก