5 เรื่องที่ต้องรู้ กินยาคุมรักษาสิว ดีจริงไหม?
4 เหตุผลที่ควรรู้ก่อนใช้ยาคุมรักษาสิว

5 เรื่องที่ต้องรู้ กินยาคุมรักษาสิว ดีจริงไหม?

เรามักจะเคยได้ยินว่า ยาคุมนั้นสามารถทานเพื่อให้สิวยุบลงได้ เพราะเรามักจะเจอรีวิวจากชาวเน็ตมากมายว่า ทานตัวนี้แล้วดีสิวลด ทานตัวนั้นดีสิวหาย แต่ในความเป็นจริงแล้วก่อนที่เราจะใช้ยาคุมรักษาปัญหาสิวควรรู้อะไรบ้าง วันนี้มาไขข้อข้องใจกันเลยดีกว่า

ส่วนประกอบของยาคุมที่ต้องรู้

ในยาคุม 1 แผงนั้น มักจะประกอบไปด้วย ฮอร์โมน 2 ชนิด ประกอบไปด้วย

  • ฮอร์โมนโปรเจสติน มีหน้าที่ลดแอนโดรเจน (ฮอร์โมนเพศชาย) โดยตรง เป็นฮอร์โมนที่ช่วยในเรื่องการตั้งครรภ์ ผลข้างเคียงของเขาคือจะช่วยเพิ่มน้ำหนักได้ ในกรณีที่ตัวยามีโปรเจนตินสูง
  • ฮอร์โมนเอสโตเจน  ก็ช่วยลดปริมาณแอนโดจเจนในทางอ้อมได้ แต่ผลข้างเคียงคือในบางคนอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และเวียนศีรษะได้

ดังนั้นยาคุมจึงสามารถลดสิวได้ แต่อาจจะมีผลข้างเขียงตามมาภายหลัง ทางการแพทย์จึงได้พัฒนายาปรับฮอร์โมนขึ้นมาใหม่ ซึ่งก็ยังมีฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมยเพศชาย และยังช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้ดี ลดการเกิดผลข้างเคียงลง

ก่อนใช้ยาคุมลดสิว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ

เพราะสิวนั้นไม่ได้เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายเสมอไป ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกมากมายที่จะส่งผลกระทบให้เกิดสิวในอนาคตได้ ดังนั้นหากเราด่วนสรุปเองว่า กินยาคุมเพื่อลดสิวได้ ก็เหมือนกับรักษาไม่ตรงสาเหตุ การพบแพทย์ผิวหนังจะทำให้เราเข้าใจถึงสาเกตุของการเกิดสิวได้ และทำให้รู้ว่าควรรักษาอย่างไร จำเป็นต้องใช้ยาคุมไหม เพราะยาก็ขึ้นชื่อว่ายา มักมีผลข้างเคียงตามมาเสมอ หากไม่ศึกษารายละเอียดก่อนใช้งาน เพื่อสุขภาพที่ดีในอนาคต ควรพบแพทย์ก่อนการทานยานะ ส่วนวิธีการเลือกแพทย์นั้น สามารถดูได้ดังนี้

ยาคุม จัดการได้แค่สิวฮอร์โมนเท่านั้น

สิวฮอร์โมนมักเกิดขึ้นที่บริเวณคาง และกรอบหน้า มักจะเป็นซ้ำๆ ไม่หายไป โดยส่วนใหญ่แล้วมักพบในเพศหญิงเป็นหลัก ในช่วงที่มีรอบเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเพศในร่างการมีการแปรปรวน และไปกระตุ้นทำให้เกิดสิวในที่สุด ทั้งนี้ยาคุมจึงไม่สามารถทำให้สิวจากการติดสารสเตียรอยด์ สิวอุดตันจากเครื่องสำอาง ให้หายไปได้ เพราะการทานยาคุมไม่ใช่การรักษาที่ตรงกับสาเหตุของการเกิดสิวนั้นๆ ดังนั้นหากมีสิว แนะนำว่าควรพบแพทย์ผิวหนังก่อนทำการรักษาจะเป็นทางออกที่ดีให้กับผิวในระยะยาว

ยาคุมลดสิว แต่ไม่ลดรอยสิว

ปัญหารอยสิวที่ตามมาหลังสิวนั้น ยาคุมไม่สามารถรักษาให้หายไปได้ โดยหลักๆ ปัญหาผิวที่จะตามมา มักจะเป็นรอยดำ รอยแดง หรือแผลเป็นหลุมสิว ซึ่งไม่ว่าจะปรับฮอร์โมนเท่าไหร่ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่หมดไป หากไม่ทำการรักษาให้ตรงจุด ดังนั้นหากมีสิวควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ เพื่อหาสาเหตุ จึงจะทำให้การรักษานั้นตรงจุด ไม่เกิดผลข้างเคียงตามหลัง

ส่วนวิธีการรักษาปัญหาผิว รอยสิว ก็มีดังนี้

รอยดำสิว : มักเกินจากการที่ผิวเกิดการอักเสบในบริเวณนั้น ทำให้เม็ดสีเมลานินถูกกระตุ้นให้ผลิตขึ้นมาเป็นจำนวนมากๆ จึงเกิดเป็นรอยดำที่ผิว สามารถจางลงไปเองได้ตามธรรมชาติ โดยใช้เวลา 3-6 เดือน หรือในบางคนอาจมากกว่านั้น วิธีรักษาที่เร็วที่สุดคือเลเซอร์ลดรอยดำ ที่ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสได้ไวขึ้น

รอยแดงสิว : เกิดการอักเสบของผิวเช่นกัน มีอาการบวมช้ำร่วมด้วย ทำให้บริเวณสิวนั้น เส้นเลือดฝอยแตกออกจนกลายมาเป็นรอยแดง โดยปกติจะจางลงไปหลังสิวหาย 3 เดือนขึ้นไป แต่วิธีที่ง่ายและไวคือการทำเลเซอร์ลดรอยแดงนั้นเอง

หลุมสิว : มักเกิดจากการที่เรารักษาเจ้าสิวตัวร้ายแบบผิดวิธี ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นถูกทำลายไปจนเกิดหลุมขึ้น โดยหลุมเหล่านี้ไม่สามารถตื้นขึ้นเองได้ตามธรรมชาติ จำเป็นต้องใช้เทคนิคการรักษาของแพทย์เข้ามาช่วย

จะเห็นได้ว่าปัญหาของรอยสิวนั้นไม่ใช้จะรักษาได้ง่ายๆ ดังนั้นหากมีสิวควรรักษาให้ตรงกับสาเหตุ จึงจะช่วยลดปัญหา รอยดำ รอยแดง หลุมสิว นั้นเอง

กลุ่มที่ไม่ควรใช้ยาคุมเพื่อลดสิว

ยาคุมก็เป็นยาชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถใช้ได้กับคนทุกกลุ่มบนโลกใบนี้ มาดูกันดีกว่าว่าคนแบบไหนบ้าง ที่คุณหมอไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมเพื่อลดปัญหาสิว 

  • คนที่ยังไม่มีประจำเดือน คนที่ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์
  • คนที่กำลังตั้งครรภ์อยู่
  • คนที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • คนที่มีน้ำหนักอ้วนเกินไป เกินเกณฑ์มากไป
  • คนที่มีอายุมากกว่า 35ปี
  • คนที่มีโรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง
  • คนที่มีปัญหาด้านการแข็งตัวของเลือด
  • คนที่มีโรคมะเร็งทุกชนิด
  • คนที่มีโรคไม่เกรน ความดันเลือด โรคเบาหวานเป็นต้น

ดังนั้นหากต้องการใช้ยาควรศึกษาและทำความเข้าใจให้มากๆ หรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้อย่างสม่ำเสมอ เพราะยาทุกชนิดมีทั้งข้อดี และข้อเสียอยู่ในตัวของมัน หากเราเข้าใจและใช้ได้อย่างถูกต้อง เราก็จะมีสุขภาพผิวที่ดี และร่างกายมีสุขภาพที่ดีเช่นกัน



รวมวิธีรักษาสิว แบบฉบับคุณหมอผิวหนังแนะนำ

วิธีดูแลผิวให้ห่างไกลสิวที่คุณหมอผิวหนังแนะนำให้ทำ ผิวปลอดภัย ลดการเกิดสิวได้ในระยะยาว สามารถทำได้ดังนี้ 

  • ล้างหน้าให้สะอาด 2 ครั้งต่อวัน โดยไม่ขัดผิว ถูผิวแรงๆ
  • เช็คเครื่องสำอางก่อนการล้างหน้าทุกครั้ง
  • เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน และการระคายเคืองของผิว
  • ไม่แกะสิว บีบสิวเอง เพราะจะทำให้เกิดหลุมสิวได้
  • ดูแลปัญหาสิวให้ตรงจุด ตรงสาเหตุที่เป็น
  • เลี่ยงการใช้สารสเตียรอยด์ในการรักษา เพราะอาจจะทำให้สิวเห่อได้ในระยะยาว
  • หากสิวรุนแรงกว่าที่จะรับมือได้ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอผิวหนัง

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bslclinic.co.th/acne-treatment/ 

 

นี่ก็เป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้คุณเข้าใจว่า การใช้ยาคุมเพื่อลดสิวนั้น ดีจริงหรือไม่ ดังนั้นไม่ว่าจะทำการรักษาด้วยวิธีใด ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของร่างกายและ ความปลอดภัยของผิวหน้าไว้เสมอ เพื่อไม่ให้สายเกินที่จะแก้ไขสิ่งเหล่านี้นั้นเอง 

icon email